กล้ามเนื้อหนีบเส้นประสาท โรคประหลาด รักษาผิด มีสิทธิ์เจ็บตัวฟรี

Last updated: 12 ต.ค. 2568  |  21 จำนวนผู้เข้าชม  | 

กล้ามเนื้อหนีบเส้นประสาท โรคประหลาด รักษาผิด มีสิทธิ์เจ็บตัวฟรี


กล้ามเนื้อหนีบเส้นประสาท โรคประหลาด รักษาผิด มีสิทธิ์เจ็บตัวฟรี

บทความโดย บุญบัวคลินิก นวดจัดกระดูก เชียงใหม่

เมื่อท่านไปพบแพทย์ด้วยอาการปวดที่บริเวณสะโพก มีอาการร้าวไปยังขา นอกจากท่านได้รับความทรมานจากอาการปวดดังกล่าว ท่านอาจเกิดความสับสนได้ ต่อคำวินิจฉัยที่ท่านได้รับ เมื่อท่านได้รับข้อมูลจากแพทย์หลายนาย ซึ่งแพทย์บางท่านบอกท่านว่า ท่านเป็นโรคทับเส้นประสาทจากหมอนกระดูก.... ส่วนอีกท่านหนึ่งบอกว่า ท่านเป็นโรคทับเส้นประสาทจริง แต่ไม่ใช้จากหมอนกระดูก????...

หลายคนยังข้องใจ และยังไม่เข้าใจว่า โรคกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท คือโรคอะไร อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนี้ อาการต่างจากหมอนรองทับเส้นอย่างไร โรคนี้เรื้อรังหรือไม่ ต้องรักษานานแค่ไหน เราจะทราบและสังเกตอาการตัวเองได้อย่างไรว่าเราเป็นโรคนี้ แล้วเราจะรักษากันอย่างไร หลีกเลี่ยงการถูกผ่าตัดโดยไม่จำเป็นได้อย่างไร

น.อ.นพ.ทายาท บูรณกาล ผู้อำนวยการศูนย์รวมการรักษากระดูกสันหลัง โรงพยาบาลกรุงเทพ (Bangkok hospital comprehensive spine center) ให้ความกระจ่างว่า โรคกล้ามเนื้อหนีบเส้นประสาท นั้นจะมีอาการปวดร้าว และ ชา ไปตามแขน หรือ ขา มีลักษณะอาการคล้ายกับโรคหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาทได้มากๆ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดกระดูกสันหลังเอง ก็มักจะแยกทั้งสองโรคกันออกได้ไม่ 100% อย่างไรก็ตาม

ถ้าซักประวัติให้ละเอียดดีๆ จะพบว่า ผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อนี้ มักจะมีอาการปวดบริเวณสะโพกนำมาก่อน และค่อยๆ ลามลงชาไปจนถึงปลายเท้า หรือ ปวดบริเวณคอ หัวไหล่ แล้วค่อยๆ ลามไปถึงปลายแขน

“ผู้ป่วยบางรายมีอาการปวดรุนแรงกว่าโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทเสียอีก นอนตอนกลางคืนจะปวดมากจนนอนไม่หลับ เวลาเปลี่ยนท่า อย่างการเดินแรกๆ มักจะปวดสะโพกลงขา แต่พอเดินๆ ไประยะทางหนึ่งจะค่อยๆ หายปวดขา ถ้าเป็นที่กล้ามเนื้อต้นคอ เวลาขยับกล้ามเนื้อคอจะมีอาการปวดเสียวอย่างแรงเหมือนไฟฟ้าช็อตไปที่แขนได้ ซึ่งอาการนี้คล้ายคลึงกับในโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทมาก” น.อ.นพ.ทายาท กล่าว

ในเมื่อโรคนี้มีอาการคล้ายคลึงกับโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทมากๆ จึงต้องอาศัยการวินิจฉัยแยกโรคอื่นๆ ออกไป โดยการทำ MRI ที่กระดูกสันหลังดูด้วยว่ามีโรคทางกระดูกสันหลังร่วมด้วยหรือไม่ ซึ่งบ่อยครั้ง พบว่า ทั้งสองโรค (โรคกล้ามเนื้อและโรคของหมอนรองกระดูก) สามารถเกิดร่วมกันได้เสมอๆ และต้องระวังอย่านำผู้ป่วยที่ปวดอย่างรุนแรงไปผ่าตัดเร็วเกินไป เพราะจะทำให้ผู้ป่วยผ่าตัดแล้วไม่หายปวดโดยสนิทได้ เพราะการผ่าตัดกระดูกสันหลังไม่ได้ทำให้กล้ามเนื้อเหล่านี้คลายตัวได้เลย

ในผู้ป่วยที่เคยเข้ารับการรักษา พบว่า จะมีอาการชาที่ฝ่าเท้า น่อง หรือปลายนิ้วเท้า ไม่เลือกเวลา เป็นๆหายๆ บางทีก็เป็นหนัก บางทีก็หายไป ไม่ทราบสาเหตุ เชื่อกันว่าอาการนี้เกิดจากการที่กล้ามเนื้อที่เกิดการอักเสบส่งความรู้สึกประหลาดนี้มาที่ขาได้ บางรายเวลานั่งนานๆ จะมีอาการปวดที่แก้มก้น หรือเปลี่ยนอริยาบทจากนั่งเป็นยืน หรือเริ่มก้าวเดินแรกๆ จะปวดที่ก้นได้ ในผู้ป่วยบางรายที่เป็นมากๆ จะมีอาการชาหรือเสียวเวลาถูกลมเบาๆ หรือถูกสัมผัสเบาๆ มีความรู้สึกซู่ซ่าที่น่องหรือปลายเท้า รู้สึกเย็นๆ มีขนลุกซู่เป็นครั้งคราว เรามีชื่อเรียกอาการนี้ว่า allodynia คือ ไวต่อสิ่งสัมผัสมากเกินไป

สำหรับกล้ามเนื้อที่พบบ่อยว่ามีการหนีบทับเส้นประสาทส่วนขา และสับสนกับโรคของหมอนรองกระดูกทับเส้นได้บ่อยๆ คือ กล้ามเนื้อที่มีชื่อว่า พิริฟอร์มิส (Piriformis) จึงมีผู้ใช้ชื่อโรคกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาทขาว่าพิริฟอร์มิสซินโดรม (Piriformis Syndrome) ผู้ป่วยจะมีอาการปวดร้าวตามขาเรื้อรัง และมีอาการปวดสะโพกบริเวณที่นั่งทับ อาจจะมีอาการเล็กน้อย จนถึงขั้นรุนแรง และเดินไม่ได้ ผู้ป่วยบางรายได้รับการทำ MRI หวังว่าจะพบกระดูกทับเส้น แต่ผลพบว่ากระดูกสันหลังปกติทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แต่ที่โชคร้ายกว่านั้นคือ ผู้ป่วยบางรายผล MRI มีหมอนรองกระดูกเสื่อมหรือผิดปกติเพียงเล็กน้อยแต่ด้วยความปวด ทำให้ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดที่กระดูกสันหลังไป แต่ไม่หายปวด!! ซึ่งเป็นเพราะมีสาเหตุจากกล้ามเนื้อหนีบทับเส้นประสาทนี้ แฝงอยู่แต่เดิมนั่นเอง

การรักษา

สำหรับการฟื้นฟูและการบำบัดนั้น ในผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงมากนัก จะต้องมีการทำกายภาพบำบัด เพื่อลดอาการปวด และคลายกล้ามเนื้อ อาทิ การใช้ความร้อนทั้งแบบพื้นผิว หรือ แบบลึกไปสู่กล้ามเนื้อชั้นลึก หรือแม้กระทั่งการใช้ไฟฟ้ากระตุ้น หรือ การฝังเข็มให้กล้ามเนื้อคลายตัว แต่ต้องอยู่ในความควบคุมของผู้เชี่ยวชาญ

ด้าน พ.ญ.ลักษมี ชาญเวชช์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านระงับปวด กล่าวว่า ในบางครั้งอาการปวดจากกล้ามเนื้อหนีบเส้นประสาทนี้ มีความรุนแรงมากจนผู้ป่วยแทบทนไม่ไหว จนต้องพึ่งพาแพทย์เฉพาะทางด้านระงับปวด (Pain Specialist) ให้มีส่วนช่วยในการดูแลผู้ที่มีอาการปวดรุนแรง เช่น วิธีการสกัดกั้นการนำประสาทไซอาทิก (sciatic nerve block) เป็นต้น มาใช้ โดยใช้การฉีดยาเฉพาะที่เข้ารอบๆ เส้นประสาท และ กล้ามเนื้อที่หดเกร็ง นอกจากนี้ยังมีการนำเทคนิคทั้งการใช้อัลตราซาวด์และการใช้ไฟฟ้ากระตุ้น เพื่อทำให้การหาตำแหน่งมีความแม่นยำมากขึ้น อย่างไรก็ตาม โรคกล้ามเนื้อดังกล่าวนี้ ยังไม่มีการรักษาใดที่ทำให้หายได้โดยทันที ต้องอาศัยระยะเวลาในการรักษาระยะหนึ่ง เพื่อที่จะทำให้กล้ามเนื้อที่ตึงตัวหนีบเส้นประสาทอยู่นั้นคลายตัวได้ถาวร

ดังนั้นในผู้ป่วยที่มีอาการปวดขาจะมีลักษณะคล้ายการปวดตามแนวของเส้นประสาท จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องวินิจฉัยแยกโรค “กล้ามเนื้อหนีบเส้นประสาท” ร่วมด้วยเสมอ หากรักษาโรคกล้ามเนื้อก่อนแล้ว จะทำให้ผู้ป่วยส่วนหนึ่งไม่ต้องถูกผ่าตัดโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหา “ผ่าตัดแล้วไม่หายปวด”

ปัจจุบันโรคนี้พบบ่อยในคนไทยมากขึ้น และการรักษาจะต้องใช้ความชำนาญ และการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง ในบางรายพบว่าได้รับการทำ MRI หรือแม้กระทั่งรับการผ่าตัดหลังโดยไม่จำเป็น การซักถามประวัติและการตรวจร่างกายเป็นสิ่งสำคัญในการวินิจฉัย

การบำบัดด้วยตัวเอง

ถ้าเราอยู่ที่บ้านก็อาจจะรักษาด้วยตัวเองเพื่อบรรเทาอาการไปก่อนได้ คือใช้การประคบร้อนที่บริเวณแก้มก้น (อาจใช้กระเป๋าน้ำร้อนประคบก็ได้) โดยในการประคบร้อนนั้น ควรใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที สิ่งที่เราเอามาประคบควรจะมีอุณหภูมิที่อุ่น สบาย เช่น กระเป๋าน้ำร้อนที่เราเอามาประคบนั้น จะต้องใส่น้ำอุณหภูมิที่ไม่ร้อนจนเกินไป หรืออาจหาผ้ามาพันไว้ซักชั้นสองชั้นเพื่อลดความเสี่ยงทำให้ผิวหนังเราไหม้จากการที่กระเป๋าน้ำร้อน ร้อนเกินไปก็ได้

จากนั้นจึงทำการยืดกล้ามเนื้อ piriformis ให้คลายจากการัดเส้นประสาทไซอาติคโดยทำกายภาพตามวิดีโอนี้ครับ
http://www.youtube.com/watch?v=ksYDln_rOlI


ภาพประกอบ แสดงการระคายหรือหนีบรัดเส้นประสาทของกล้ามเนื้อพิริฟอร์มิสหรือสลักเพชร ซึ่งตำแหน่งการพาดผ่านของเส้นประสาทมีความแตกต่างในแต่ละบุคคล


ภาพประกอบ แสดงสภาพแวดล้อมทางกายวิภาคของเส้นประสาทไซอะติกผ่านกล้ามเนื้อมัดต่างๆในร่างกายมนุษย์จริง 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้